[รีวิวเกม] Double Dragon Gaiden

Double Dragon Gaiden

ฉันเชื่อว่าเด็กที่เกิดในยุค 80 และ 90 ต้องรู้จัก “มังกรคู่” เพราะเป็นเกมยอดนิยมในตำนานเกมหนึ่งที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก และนอกเหนือจากโลกของเกมแล้ว มันยังถูกสร้างเป็นภาพยนตร์อีกด้วย ซึ่งเป็นเรื่องที่ 2 ที่ถูกดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ต่อจาก “Super Mario Bros”

Double Dragon Gaiden ดั้งเดิมเปิดตัวในรูปแบบเกมอาร์เคดในปี 1987 แต่เป็นที่รู้จักกันดีในชื่อเวอร์ชัน Famicom ที่ออกในปี 1988 และยังคงมีภาคต่ออยู่ แต่มันไม่เคยเปลี่ยนแนวเพลงแนวบีทเอมอัพ เมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้เพิ่มความคลาสสิกด้วยการใช้กราฟิกพิกเซลที่เรียกว่า Double Dragon: Rise of the Dragon สามารถเล่นได้บน Nintendo Switch, PlayStation 5, PlayStation 4, Xbox Series

เรื่องราวของเกมเกิดขึ้นในปี 199X หลังจากสงครามนิวเคลียร์ทำลายนครนิวยอร์ก และเปลี่ยนให้กลายเป็นดินแดนอันป่าเถื่อนที่ชาวเมืองต้องต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด เมืองนี้ถูกปกครองโดยแก๊งอาชญากรที่แบ่งเมืองออกเป็นหลายส่วน แต่แล้วพี่น้องผู้กล้าหาญสองคนชื่อบิลลี่และจิมมี่ก็ร่วมมือกันกับเพื่อน ๆ เพื่อขับไล่พวกอันธพาลออกจากเมือง

ถึงกระนั้น มันก็เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพี่น้องฝาแฝดบิลลี่และจิมมี่ ลีที่ต่อสู้กันในบูลลี่ซิตี้ ซึ่งเกิดขึ้นในปี 199X นิวยอร์กซิตี้ เมืองทั้งเมืองและสิ่งมีชีวิตทั้งหมดถูกทำลายโดยสงครามนิวเคลียร์ ประชาชนต้องต่อสู้เพื่อความอยู่รอดทุกวัน

Double Dragon Gaiden กราฟิกแบบพิกเซลย้อนยุคที่ดูดี

เนื่องจากรูปแบบการเล่นคลาสสิกของ Double Dragon Gaidenทีมงานจึงเลือกใช้กราฟิกพิกเซล แต่มันไม่ได้ย้อนกลับไปถึงยุค 8Bit เลย มันดูดีกว่านั้นมาก โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวที่ราบรื่นไม่มีสะดุด ตัวละครในเกมมีสัดส่วนเหมือนการ์ตูน ทำให้หัวของพวกเขาดูใหญ่กว่าปกติ แต่การ์ตูนเด็กยังไม่ใช่ความคมชัดระดับมาตรฐาน โดยรวมแล้ว ถือว่าค่อนข้างดีและยังดูคลาสสิกอยู่

กราฟิกของฉากจะเหมือนกัน โดยใช้พิกเซลที่จัดเรียงเป็นฉากย้อนยุค แต่ความแตกต่างก็คือความกว้างของฉากจะเพิ่มขึ้นและซับซ้อนขึ้นเล็กน้อย นอกจากนี้ยังมีฉากคัตซีนที่ใช้ภาพนิ่งในการบอกเล่าเรื่องราวอีกด้วย ส่วนเพลงประกอบนั้นไม่ได้มาในรูปแบบ 8Bit หรือสไตล์เรโทร แต่เพิ่มดนตรีสมัยใหม่เข้าไปอย่างลงตัว นอกจากนี้ เพลงประกอบต้นฉบับจากซีรีส์ “Double Dragon” ก็ถูกเขียนใหม่และใส่เข้าไปในเกมด้วย

เกมเพลย์ต่อยตีแบบเดิมเพิ่มเติมความลื่นไหล

รูปแบบการเล่นหลักยังคงเป็นแบบเอาชนะ เอาชนะศัตรูให้หมด แล้วคุณจะผ่านด่านได้ตามปกติ ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ผู้เล่นจะเลือกจากตัวละครสี่ตัว ซึ่งแต่ละตัวมีความสามารถที่แตกต่างกัน รวมถึงบิลลี่ จิมมี่ แมเรียน และลุงมาร์ติน คุณยังสามารถปลดล็อคตัวละครเพิ่มเติมอีกเก้าตัวซึ่งถือว่ามากที่สุดในซีรีย์

ในส่วนของระบบการต่อสู้นั้นเรียบง่ายและเน้นไปที่การแตะและกดปุ่มเพื่อดึงคอมโบออกมา รวมถึงการกดท่าพิเศษด้วย ท่าเหล่านี้ง่ายมากเพราะคุณเพียงแค่ใช้ปุ่มเดียวเท่านั้น แต่ระยะเวลาการใช้งานมีจำกัดและต้องชาร์จทุกครั้งที่ใช้งาน นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับท่าพิเศษที่แตกต่างกันสำหรับตัวละครแต่ละตัว สิ่งที่ยอดเยี่ยมจริงๆ ก็คือบางคนสามารถเข้าถึงปืนได้เช่นกัน ทำให้ดูแตกต่างจากรุ่นก่อนมากแต่ก็ไม่ถึงกับเป็นมือปืนด้วยซ้ำ ส่วนที่โดดเด่นอีกประการหนึ่งคือฉากในเกมที่เกี่ยวข้องกับการกระโดดไปตามพื้นผิว แต่นี่ไม่ใช่เรื่องใหม่เหมือนที่มีมาตั้งแต่ภาคแรก

มีระบบเก็บเงินเพื่อซื้อไอเทมในเกม

ฟีเจอร์ที่โดดเด่นของ Double Dragon Gaiden: Rise of the Dragon คือระบบความก้าวหน้าของตัวละครในตัว ถึงแม้ว่ามันจะไม่กลายเป็นสไตล์แอคชั่น RPG แต่ก็เพียงพอที่จะเพิ่มความสามารถของตัวละครได้ ทุกอย่างในเกมขึ้นอยู่กับระบบสกุลเงินของเกมโทเค็นที่สามารถรวบรวมได้จากการต่อสู้กับศัตรูไปจนถึงการปลดล็อคไอเท็ม และเพิ่มขีดความสามารถและระบบของเกมเพราะเงินที่ใช้ซื้อ Continue นั้นมีจำกัดมากเช่นกัน

และการอัพเกรดตัวละครถือว่าจำเป็นมากเพราะตัวเกมไม่ใช่เรื่องง่าย ผู้สร้างดูเหมือนจะเน้นย้ำถึงความโหดเหี้ยมที่ใช้ในเกมสมัยใหม่ ทำให้เป็นเรื่องง่ายสำหรับศัตรูทั่วไปที่จะทุบตีเราจนตาย เพราะพวกเขาฉลาดพอที่จะแอบเข้ามาข้างหลังเราหรือโจมตีเราด้วยอาวุธ เขาไม่ได้เดินเข้ามาหาเราอย่างโง่เขลา และเจ้านายก็เตรียมพร้อมเต็มที่และมาพร้อมกับปืนกลและอาวุธโหดอื่นๆ หรือสามารถใช้ท่าสุดท้ายที่ยากสำหรับเราที่จะรับมือได้

คุณสมบัติที่โดดเด่นอีกอย่างที่ต้องมีคือระบบการเล่นพร้อมกันของผู้เล่น 2 คนในโหมด co-op ที่ยังคงทำงานได้ดี เล่นสนุกกว่า แต่น่าเสียดายที่ไม่สามารถเล่นได้ 4 คนพร้อมกัน เพราะในยุคสมัยนี้ มีเกมแนว Beat ’em up มากมายที่สามารถเล่นได้ 4 คนพร้อมกัน และอีกส่วนที่ควรนำเสนอคือการเล่นแบบร่วมมือออนไลน์ที่ผู้สร้างลืมใส่ไว้

การกลับมาของตำนานในเกมต่อสู้ ถือว่าทำได้ดีมาก แม้ว่าบางส่วนจะมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้าง เช่น ระบบการทำฟาร์มเงินเพื่อปลดล็อคหรืออัพเกรดความสามารถของตัวละคร อาจทำให้การเล่นยากขึ้นไม่เหมือนเมื่อก่อนที่เราเน้นแต่เดิน แต่หากคิดว่าต้องเปลี่ยนระบบเกมให้ทันสมัยกว่านี้ก็ถือเป็นแนวทางที่ดี ใครก็ตามที่ชื่นชอบแนวต่อสู้ในตำนานจะต้องพยายามหาเกมนี้มาเล่น ก็ไม่ควรทำให้ผิดหวัง

บทความแนะนำ

Blasphemous 2

Vampire Survivors